• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้รู้ จากการเป็นผู้รับจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by kaidee20, April 05, 2023, 10:08:23 AM

Previous topic - Next topic

kaidee20

1. เพราะว่าพวกเราไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อดำเนินงานอย่ างเดียว

เราไม่ได้ปฏิบัติงานแล้วแฮปปี้ทุกเมื่อเชื่อวัน หลายหนที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แม้กระนั้นถ้าเกิดพวกเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต ยกตัวอย่างเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ และก็ยังรวมทั้งต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่พวกเราชอบจะทำให้ร่าเริงแจ่มใสขึ้น แล้วก็ เพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่น เนื่องจากว่าการเฟลจากที่ปฏิบัติงานโดยมากมักทำให้เราเสียกำลังใจ และก็ขาดความมั่นใจในตนเอง ส่วนตัวสำหรับเรามันมีผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน แล้วก็ อีกเยอะแยะ


ยกตัวอย่ าง... มีสหายคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามาก มุ่งมั่นขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในเวลานี้ดำเนินการประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนกระทั่งถึงบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. รู้ยัง

สำหรับพนักงานประจำตัวจ้อยอย่ างเรา สิ่งที่พวกเรายำเกรงที่สุดในที่ทำงานก็น่าจะหนีไม่พ้นเจ้านาย ผู้ที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยแตกต่างกันไป อย่ างตัวเราเคยเจอทั้งที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานมาก ไปจนถึงวันๆไม่ทำงานทำการ คอยสั่งคนโน่นทีคนนี้หน แต่ว่าพอได้มองดูดีๆเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แต่ว่าคนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้คร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานเยอะแยะไม่ได้ยังไง เพราะเหตุใดน่ะเหรอ นอกเหนือจากที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองหมั่นไส้แล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความเคารพด้วย หนำซ้ำบางครั้งก็อาจจะพาลกันเสียระบอบการปกครองทั้งทีม


ถ้าหากให้ชี้แนะก็อย ากจะบอกว่าพย าย ามเข้าใจเค้าดีมากกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนพาลบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างกันบ้ า งคือเรื่องธรรดา อย่ าเห็นว่าพวกเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้ดูในมุมที่ว่าถ้าหากเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปพบครอบครัว

ไม่ได้อย ากอยู่ดึกๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็มิได้อย ากทำงาน ก็อย ากท่องเที่ยวเช่นเดียวกันนั่นแหละ แต่เพียงแค่ออกหน้าชอบบ่นแบบพวกเราไม่ได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกภาพ

เพียงแค่พวกเราพรีเซนเทชั่นงานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจะต้องเอางานพวกเราไปพรีเซ็นท์กับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคนไหนกันแน่ที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้มากมาย เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นปกติ

3. อย่ าเป็นตัวของตัวเองเหลือเกินในโลกออนไลน์

หลายๆคนมั่นใจว่าโลกโซเชียลเป็นหลักที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของเรา แต่รู้รึเปล่าว่า HR ยุคนี้นอกเหนือจากการที่จะดู resume เราแล้ว ยังดูเ ฟ ส บุ ค ของเราด้วย เพื่อนพ้องเราที่เป็น HR การันตีมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า มองเห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของพวกเรานั้นมีผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อพวกเราเป็นพนักงานประจำเต็มตัว เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระวัง อย่ างเราเป็นไม่แตะต้องเฟสบุ้คเลย หรือถ้าเกิดจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าเกิดหัวหน้ามาเห็นก็ไม่เป็นไร


หากอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆเสนอแนะให้แยกเฟสสถานที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาห้วยที่พด้วย เพราะว่า โดยมากคนภายในสถานที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้าโง่เง่า ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่ๆ...!! เตือนแล้วนะ

4. โฟกัสที่ทางวิ่งของเรา สนใจ เอาใจใส่ แต่... อย่ าเก็บลู่วิ่งคนอื่นมาอิจฉาริษยา

ช่วงปีให้หลังมานี้ สหายเราหลายท่านเริ่มศึกษาต่อ สร้างครอบครัว บางบุคคลแปลงงานไปงานที่ค่าจ้างรายเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตน บางคราวเราเลื่อนดูหน้าเฟสและจากนั้นก็แอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ก้าวหน้า แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่บอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็มิได้ดีมากกว่าเราหรอกเผลอๆเพื่อนฝูงคนไม่ใช่น้อยบางครั้งก็อาจจะกำลังอิจฉาริษยาชีวิตเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... เป็นตัวเราเองก็มิได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่เราคัดเลือกกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ต้องจดจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น

จุดโฟกัสที่ทางวิ่งของเรา รู้ว่าเรากำลังจะทำอะไร รู้ว่าจุดหมายปลายทางพวกเราอยากได้อะไร ทราบดีว่าวันนี้เราทำดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบดูลู่วิ่งคนอื่นๆบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้เราขมักเขม้นกับชีวิตมากยิ่งขึ้น แต่อย่ าเก็บมาเอาใจใส่จนกระทั่งมีความทุกข์พอเพียง

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

เดี๋ยวก่อน...!! อย่ าเพิ่งตระหนกตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้แสดงว่า ให้พวกเราไม่ต้องจิรงจิตใจกับคนใด แต่ว่า... มีความหมายว่า " เราไม่สนใจฝ่ายใด " อย่ างที่รู้กันว่าในที่ทำงานหลายๆที่

มีการเล่นพรรคเล่นพวก หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าคนที่เล่นการเมือง (มากมายๆ) จำนวนมากปราศจากความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแม้กระนั้นเล่นเค้าไว้เยอะนี่ห้ามเสียท่าเลยคะ มีคนคอยซ้ำเยอะแยะเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่เรามองว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร มิได้พูดว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือ ฝืนตัวเอง แม้กระนั้น... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความพอใจ

โตมาในสังคมที่แตกต่าง การที่เราดูแล้วรู้ดีว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะมีผลให้เราเหนือกว่ามากมายๆเว้นเสียแต่วางตัวง่ายแล้ว พวกเราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางบุคคลที่ดูแล้วไม่ถูกจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักสวัสดีตามมารย าท ไม่จำเป็นที่ต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่รู้หรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปทำงานกับผู้ใด ด้วยเหตุดังกล่าว อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงมิได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แต่ในอนาคต อาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดีกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50

ด้วยความที่อายุยังน้อย ความคาดหวังจากคนที่อยู่รอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงพวกเราจะรู้สึกกดดันสำหรับเพื่อการทำงานสุดๆแต่เชื่อเถอะ เราล้มเหลววันนี้ ดีมากยิ่งกว่าพวกเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนกระทั่ง 50-60 ก็ผ่านช่วงเวลาแบบพวกเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะเสนอแนะคือ.. ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า พวกเรามิได้อายุ 20 กว่าๆตลอดไป อย ากทำอะไรทำ อย าคำอธิบายมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันห่วยแตกก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกฝนไปเรื่อยๆโดนดุช่วงนี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50 เยอะ ถึงจะบกพร่อง ด้วยความยังเด็ก และก็ อ่อนประสบการณ์ คนส่วนมากพร้อมจะยกโทษเราเสมอ ด้วยเหตุดังกล่าว ล้มเหลวเยอะๆเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามต่างกันระหว่าง " เพื่อนพ้อง " กับ " สหายร่วมงาน " คืออะไร ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนย ากก็คงจะจริง ยุคประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม รวมทั้งการหาเพื่อนฝูงในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแสดงว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเท่าไหร่ พวกเราจะหาเพื่อนย ากขึ้นเพียงแค่นั้น และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนฝูงที่จริงดวงใจคนนึงในสถานที่ทำงานมันย ากมากแค่ไหน


นอกจากจะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การประมาณ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์ค่าตอบแทนรายเดือนอย่ างพวกเราคือไปทำงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาสหาย ฉะนั้นวันๆเราก็เลยจะเจอแค่เพื่อนพ้องร่วมกลุ่ม ซึ่งโดยมากและเป็นการคุยกันแค่เรื่องงานแค่นั้น

เราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนตัวและก็เรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และก็เพื่อนผู้ร่วมการทำงานในคราวเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้ววางใจอย่างนี้ พวกเรารู้สึกว่ามันเป็นผลกำไรชีวิต พย าย ามหาคนเหล่านี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดเดียวก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่ต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ แค่ได้เผชิญ

สนทนาแลกความเซ็งดีแล้ว ให้พวกเราทดลองถามตัวเองว่า "ถ้าเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนพ้องจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

7. หาคนที่เป็นมากกว่า " สหายร่วมงาน " ให้พบ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความไม่เหมือนระหว่าง " สหาย " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาสหายย ากก็คงจะจริง ยุคประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และการหาเพื่อนในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเยอะแค่ไหน เราจะหาสหายย ากขึ้นเท่านั้น

และไม่จะต้องบอกเลยว่าการหาสหายที่แท้หัวใจคนนึงในสำนักงานมันย ากเพียงใด นอกเหนือจากการที่จะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การคาดการณ์ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราค่าจ้างรายเดือนอย่ างพวกเราคือไปดำเนินงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาสหาย โดยเหตุนั้นวันๆพวกเราก็เลยจะเจอแค่เพื่อนฝูงร่วมกลุ่ม ซึ่งส่วนมากและจากนั้นก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานแค่นั้น

เราโชคดีที่เจอกลุ่มที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องเฉพาะบุคคลรวมทั้งเรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และก็เพื่อนร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างนี้ พวกเรารู้สึกว่ามันคือผลกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนพวกนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดนึงก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่ต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ แค่ได้พบเห็น เสวนาแลกเปลี่ยนความเซ็งก็ดี ให้พวกเราลองถามตนเองว่า "หากเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้รับประทานข้าวอยู่ไหม" หากคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

8. จงเป็น " ลูกจ้างมือโปร "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย หากอย ากประสบความสำเร็จ แล้วก็ สุขสบาย ควรเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ " ให้ได้ บอกง่ายแม้กระนั้นทำย ากนะ เพราะเหตุว่าผู้รับจ้างมือโปรก็คือคนที่ตระหนักได้ว่า " เราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง " นั่นนับว่าบริษัทเค้าปรารถนาอะไรบางอย่ างจากพวกเราแลกเปลี่ยนกับค่าตอบแทนนั้นๆ

เราต้องรู้ดีว่าบริษัทจ้างพวกเรามาทำอะไร และก็ ทำมันให้ดีมากกว่าที่บริษัทมุ่งมาดถ้าเกิดปรารถนาความรุ่งเรืองในหน้าที่ แม้งานที่ทำอยู่คิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของพวกเรา ก็ไม่สมควรอดทนทำไป


น่าจะหางานที่เราทำแล้วเรามีความสุขรวมทั้งทำเป็นดีเพื่อดึงประสิทธิภาพของตัวเองออกมาให้เยอะที่สุด นอกเหนือจากที่จะทำให้พวกเราเติบโตในองค์กรแล้ว ยังส่งผลให้เราพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะทราบเองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ถูกใจให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกจำนวนกี่ครั้งก็ได้ ถ้าในที่สุดเราพบสายอาชีพที่พวกเรารักและก็อย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก

รวมทั้งด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " เราถูกว่าจ้างมาด้วยเงินเดือนจำนวนหนึ่ง " อย่ าทำงานหนักเกินกว่าค่าแรงจนถึงเกินความจำเป็น ทุ่มเทได้ แต่ว่าควรมีคำตอบที่ดีตามออกมาด้วย เป็นต้นว่าได้ปรับค่าตอบแทนรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา พี่น้องๆบ้ า ง หันกลับไปมองด้านหลังบ้ า งว่าผู้ที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ในขณะนี้เค้าเป็นยังไงกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุมากขึ้นทุกวี่วัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเกิดเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แก่คุณแล้วหาเวลาไป มันไม่ตรากตรำหรอก แลกเปลี่ยนกับความสบายของพ่อแม่
ลูกจ้าง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/