สังกัดเดิม โอม ภวัต ฟ้องแบรนด์ดัง

[Beer625]

ต้นสังกัด โอม ภวัต ฟ้องแบรนด์ดัง ข้างหลังประกาศปลดจากพรีเซ็นเตอร์ กระทั่งถึงมิได้ทำผิดสัญญา ย้ำเกิดเรื่องในอดีต-ไม่ขัดต่อกฎหมาย

วันที่ 20 เม.ย.2566 ที่ ชั้น21 อาคารจีเอ็มเอ็มมึงรมมี่ คุณสุจรรยา วิลเลกัส ผู้อำนวยการฝ่ายข้อบังคับ บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด(มหาชน) ผู้แทน บริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด ชี้แจงกรณีฟ้องฟ้องร้องคดี บริษัท UGO Nutrition จำกัด ข้างหลังบริษัทดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นร่อนหนังสือประกาศปลด โอม ภวัต จิตต์สว่างดี ผู้แสดงในสังกัดจีเอ็มเอ็มโทรทัศน์ ยุติบทบาทหน้าที่การเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์

สืบเนื่องจากที่ผ่านมา โอม ภวัต ผู้แสดงนำชายซีรีส์ดัง เป็นใจความสำคัญถูกเอ๋ยถึงในโลกอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับความประพฤติในสมัยก่อน โดยเจ้าตัวได้ออกมาเห็นด้วยว่าเคยบูลลี่รวมทั้งแกล้งเพื่อนที่เป็นออทิสติก และได้ขอโทษ รู้สึกผิด แล้วก็รู้สึกเสียใจ สารภาพว่าเหตุตอนนั้นเป็นบทเรียนราคาสูง ซึ่งมานะปรับแก้ตัวให้ดียิ่งขึ้นมาตลอด

ต่อมาแบรนด์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นได้ร่อนหนังสือประกาศปลดพระเอกชายหนุ่ม โดยมีรายละเอียดใจความว่า "ประกาศการยุติหน้าที่พรีเซ็นเตอร์ของคุณโอม ภวัต จิตต์สว่างดี ให้กับแบรนด์ UGO Nutrition จากเรื่องของคุณโอม ภวัต จิตต์สว่างดี ที่เป็นหัวข้อในโลกออนไลน์ช่วงหลายเดือนที่ผ่านเลยมา ทางบริษัท UGO Nutrition ไม่เคยนอนใจ แล้วก็ได้เป็นข้างติดต่อสังกัดเดิมของนักแสดงอย่างเอาจริงเอาจังบ่อย แต่แรกเริ่มขึ้นอยู่กับเฉยเมยต่อสิ่งที่บริษัทให้ความเอาใจใส่ตลอดมา"

"UGO Nutrition ให้ความใส่ใจกับความรัก ค่าความเท่าเทียม เกียรติยศความเป็นคน และก็ความรับผิดชอบเราจึงตัดสินใจจบบทบาทพรีเซ็นเตอร์ของคุณโอม ภวัต จิตต์สว่างดี ตั้งแต่วันที่ 12 ม.ย. 2566 เป็นต้นไป บริษัท ยูโก นูทรีชันน์ จำกัด" ตามที่เสนอข่าวไปแล้วโดย คุณสุจรรยา บอกว่า "ที่มาในวันนี้ก็เพราะเหตุว่ากรณีที่ทางบริษัท UGO Nutrition จำกัด ได้มีประกาศจบหน้าที่การเป็นพรีเซ็นเตอร์ของคุณโอม ภวัต จิตต์สว่างดี โดยที่ไม่มีเหตุผลอันควรจะในการที่จบบทบาทพรีเซ็นเตอร์อันนั้น รวมทั้งทางจีเอ็มเอ็มโทรทัศน์ไม่ได้มีการผิดสัญญาหรือไม่ถูกข้อตกลงใดๆก็ตามกับทางบริษัท UGO ซึ่งการที่ UGO ออกประกาศลักษณะอย่างนั้นทำให้บริษัทและก็นักแสดงก็คือคุณโอม ได้รับความย่ำแย่ เสื่อมเสียชื่อเสียง"



"นับตั้งแต่มีกรณีอ้างอิงคุณโอมในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเกิดเรื่องในสมัยก่อนของคุณโอมในวัยเด็ก เป็นการปฏิบัติที่ไม่ได้ตรงข้ามกฎหมายนะคะ จำต้องบอกอย่างงี้ แล้วทางบริษัทเองไม่เคยละเลย เราไม่เคยนิ่ง เรามีการติดต่อพูดจากับทาง UGO มาตลอด มีการพูดจาเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน"

"พวกเราเจรจากันมาหลายคราว จนกระทั่งวันก่อนที่ดิน UGO จะมีประกาศตัวนั้นออกมาด้วย โดยเหตุนี้การที่ UGO มีประกาศยุติบทบาทพรีเซ็นเตอร์ออกมา ทางบริษัทจีเอ็มเอ็มโทรทัศน์ได้รับความย่ำแย่ ทางจีเอ็มเอ็มทีวีแล้วก็ศิลปินเลยจำเป็นต้องขอความยุติธรรมในกรณีนี้ เพื่อรักษาชื่อเสียงรวมทั้งเกียรติของบริษัท รวมทั้งนักแสดง โดยพวกเราคงต้องขอพึ่งทางขั้นตอนของศาลยุติธรรม เพื่อสงวนไว้ซึ่งสิทธิ์และความเสียหายในเรื่องของชื่อเสียงของบริษัท รวมทั้งศิลปินต่อไปจ้ะ"

เป็นไปได้หรือไม่ว่า จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นกับโอมส่งผลกระทบกับทางแบรนด์ จึงเป็นเหตุให้ตัดสินใจจบบทบาทการเป็นพรีเซ็นเตอร์ ถึงแม้สิ่งที่โอมทำจะไม่ผิดกฎหมาย แม้กระนั้นบางทีก็อาจจะไม่ถูกในด้านของศีลธรรม? "อันนี้ทางพวกเราอาจตอบไม่ได้ อาจจะจะต้องถามทาง UGO ค่ะ แต่ว่าในข้อจำกัดคำสัญญามิได้มีระบุเกี่ยวกับหัวข้อนี้เอาไว้ เดี๋ยวนี้ทางพวกเราดำเนินงานฟ้องไปแล้ว ยื่นฟ้องละเมิดค่าปรับ ส่วนจำนวนเงินที่ฟ้องไป อันนี้คงพูดไม่ได้เนื่องจากว่าเป็นข้อมูลในคดี"

ถ้าเกิดทาง UGO ติดต่อมาขอไกล่เกลี่ย? "จริงๆมันอยู่ในกรรมวิธีการของทางศาล อย่างไรทางคู่กรณีอีกฝั่งหนึ่งเขาย่อมจำเป็นต้องได้รับคำฟ้องอยู่แล้วจ้ะ กระบวนการทางศาลจะต้องพบกันอยู่แล้ว ถามคำถามว่านอกรอบไม่มีแล้วใช่ไหม มันยังตอบไม่ได้ พวกเรายังไม่ทราบ เพราะเหตุว่าเรายังไม่ได้รับการติดต่อมาค่ะ"

การที่ตกลงใจฟ้องเป็นเพราะว่าทางนั้นเขาร่อนจดหมายออกมาใช่ไหม? "เขาไม่ได้ร่อนจดหมายนะคะ อยู่ดีๆเขาก็ประกาศ ในขณะที่พวกเราพูดจากันตลอดบ่อยมา จนถึงก่อนวันประกาศเราก็ยังมีการคุยกัน แต่จู่ๆเขาก็ประกาศ ซึ่งทางเราไม่ทราบค่ะ"

ภายหลังที่เขาประกาศไปแล้ว บริษัทได้รับผลพวงเยอะไหม? "ก็จากที่สื่อออกข่าวสารก็ก่อให้เกิดผลกระทบกับชื่อเสียงของน้องและก็บริษัทค่ะ (จากดราม่านี้ยังส่งผลเสียกับผลิตภัณฑ์อื่นๆหรืองานอื่นๆของโอมอีกไหม?) ในเวลานี้ยังไม่เป็นผลกระทบค่ะ"

มองดูกระแสดราม่าของโอมอย่างไร ด้วยเหตุว่าหลายๆคนเห็นว่าบริษัทมิได้ออกมา Take Action อะไรเลย? "ทางบริษัทมองว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดในอดีตและเกิดเรื่องในวัยเด็ก โดยทางสถานที่เรียนก็ได้ลงทัณฑ์ตามกฎกติกาของสถานที่เรียน เขาได้รับการลงอาญาไปแล้ว น้องเองก็ได้ขอโทษไปแล้ว แล้วก็มันไม่ใช่เกิดเรื่องที่กระทำผิดต่อกฎหมายว่ากันแบบงั้นเถิด ด้วยเหตุผลดังกล่าวเรามิได้อยู่เฉย แต่ว่านี่คือเหตุผลอย่างที่พูดว่าเกิดเรื่องในสมัยก่อน และก็เขาได้รับการลงอาญาตามวัยของเขา เป็นขณะนั้นเขายังเด็กอยู่"

แม้กระนั้นคนก็ยังขุดหัวข้อนี้ออกมาอีก เพราะอยากที่จะให้บริษัทออกมาบอกบ้าง? "คืออันนี้มีความรู้สึกว่าในแง่ของผู้ที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์เราอาจจะห้ามไม่ได้ว่าคนไหนกันแน่จะคิดยังไง แต่ว่าในแง่ของบริษัทมองดูที่ข้อเท็จจริงของสิ่งที่เกิดขึ้น ความเป็นมนุษย์ค่ะ ซึ่งมันต้องมองจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมากกว่าที่จะไปตัดสินตามกระแสสื่อสังคมจ้ะ"

ในเวลานี้สภาพจิตใจของโอมเป็นไงบ้าง? "ก็คงจะไม่ดีหรอกค่ะ (โอมโดนจู่โจมในโซเชียลมากมาย เขามาขอให้ดูแลเรื่องกฎหมายไหม?) อันนี้ยังไม่ทราบเรื่องนะคะ เพราะเหตุว่าถ้าเราจะมองก็คงจะเป็นในด้านของเรื่องการกระทำที่ละเมิดหรือขัดกับกฎหมาย ละเมิดสิทธิของน้อง เราถึงจะดูจ้ะ"

การที่บริษัทยื่นฟ้องทางแบรนด์นั้น กลัวคนจะเห็นว่าค่ายป้องกันโอมเกินไปไหม? "จำเป็นต้องพูดว่าอันนี้คือเรื่องของเรื่องจริงและก็คือเรื่องของธุรกิจนะคะ มันเกิดขึ้นจริง อย่างที่แจ้งว่าเรามิได้เป็นข้างเลิกการเป็นพรีเซ็นเตอร์ ด้วยเหตุนี้อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับกระแสสังคมจะตัดสินจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นค่ะ"
โอม ภวัต
ขอบคุณข้อมูลจาก https://freelydays.com/13731/